
เคล็ดลับสอนลูกเลือกซื้อขนมและอาหาร
เมื่อเด็กเริ่มเข้าโรงเรียนแสดงว่าเขาเริ่มโตขึ้นด้วย เขารู้สึกอยากเป็นอิสระในเรื่องต่างๆ เช่น การได้เล่นกับเพื่อน ๆ อยากกินขนมหรืออาหารอย่างโน้นบ้างอย่างนี้บ้าง เริ่มรู้จักขอเงินไปซื้อขนมหรือของว่างทานเองทั้งที่โรงเรียนและที่ร้านค้าแถวบ้าน
การอนุญาตให้ลูก ๆ ซื้อขนมหรือซื้ออาหารทานเองได้เป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กจะได้รู้จักการใช้จ่ายเงิน การรับเงินทอนรู้ว่าคนขายทอนเงินถูกต้องหรือไม่ พร้อมกับให้เขารู้จักการบริหารเงินของตัวเองด้วย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยนั่นคือ พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักการเลือกซื้อขนมและอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย สะอาดถูกหลักอนามัย เมื่อกินแล้วไม่ทำให้ท้องเสียเนื่องจากอาหารเป็นพิษ ซึ่งเรื่องการสังเกตและการเลือกซื้อขนมและอาหารนั้นก็มีหลักใหญ่ๆที่สามารถสอนลูกได้ดังนี้ค่ะ
1. ดูคนขายและสถานที่ขายรวมถึงอุปกรณ์การทำอาหารนั้นว่าสะอาดหรือไม่ คนขายแต่งตัวสะอาด สวมหมวกกันผมร่วงหล่น เล็บไม่ดำตัดเล็บเรียบร้อย สวมหน้ากากปิดปาก-จมูก ภาชนะต่าง ๆ สะอาดไม่เลอะเทอะเป็นมันเยิ้มหรือมีแมลงวันตอม ไม่มีเชื้อราติดตามขอบเป็นรอยดำ เป็นต้น
2. ขนม อาหาร ที่ขายควรทำเสร็จใหม่ ๆ ไม่แห้งกรังค้างนาน ไม่อมน้ำมัน ไม่มีแมลงวันตอม
3. มีตู้หรือฝาครอบอาหาร เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ฝุ่นละอองและแมลงวันที่จะตกลงในอาหาร
4. ของทอด เช่น ลูกชิ้นทอด ไส้กรอกทอด ให้สังเกตดูที่น้ำมันที่ใช้ทอดถ้ามีสีน้ำตาลเข้มจนดำไม่ควรซื้อมารับประทาน
5. ขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่ขายเป็นซองหรือเป็นกล่อง ต้องดูวันที่ผลิต วันหมดอายุและบรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีรูรั่ว สภาพเก่าเก็บ บุบเสียรูปทรง หรือมีรอยกัดแทะของสัตว์
6. สีของขนมหรืออาหารไม่ควรมีสีที่ฉูดฉาดจัดจ้าน ควรเป็นสีตามธรรมชาติ
7. ถ้ารับประทานแล้วรู้สึกผิดปกติ เช่น เหม็นเปรี้ยว เหม็นบูด เหม็นหืน หรือรสชาติผิดไป ให้นำไปทิ้งเสียอย่ารับประทานเด็ดขาด
เด็กอาจจะยังไม่รอบคอบเท่าผู้ใหญ่ แต่เขาก็สามารถเรียนรู้และฝึกหัดได้ พ่อแม่ควรทำให้ลูกดูทุกครั้งที่ซื้อของรับประทานว่าควรสังเกตและพิถีพิถันอย่างไร เด็กจะได้ทำตามและมีสุขอนามัยที่ดีนั่นเอง