
วิธีสอนลูกขี่จักรยาน 2 ล้อให้เป็นเร็ว
🚴🏾🥰การขี่จักรยาน 2 ล้อเป็นการออกกำลังที่ดีมากอย่างหนึ่ง ช่วยส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาการทางร่างกายครบทุกส่วน ทั้งการใช้สายตา มือ เท้า กล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่ การตัดสินใจและฝึกไหวพริบปฏิภาณได้เป็นอย่างดี การออกกำลังกายโดยการขี่จักรยานสามารถทำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทุกเพศ ทุกวัย เป็นกีฬาที่ไม่เคยตกเทรนด์ และที่สำคัญสามารถออกกำลังกายทั้งแบบคนเดียวหรือขี่จักรยานกันเป็นกลุ่ม ขี่จักรยานกันทั้งครอบครัวก็ได้ เสริมสร้างพลานามัยและกระชับความรักความอบอุ่นได้อีกด้วย
เด็กเล็กบางคนเห็นพี่ๆ หรือเพื่อนๆ ขี่จักรยานเล่นกันอย่างสนุกสนานก็อยากจะได้จักรยานมาหัดขี่เพื่อจะได้เล่นสนุกกับกลุ่มบ้าง ทีนี้ก็คงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะช่วยสนับสนุนและสอนให้ลูกได้ขี่จักรยานให้เป็นซึ่งไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ลองมาดูวิธีสอนให้ลูกขี่จักรยาน 2 ล้อกันค่ะ
เมื่อไรที่ลูกเราควรเริ่มหัดขี่จักรยาน 2 ล้อได้?
1. อายุและรูปร่างของลูก เด็กควรมีอายุเริ่มตั้งแต่ 3.5 – 4 ปี ขึ้นไป เพราะวัยประมาณนี้เริ่มเข้าใจและสามารถสอนได้แล้วค่ะว่า การขับขี่จักรยาน 2 ล้อไม่ได้แค่เพียงขับขี่ได้ แต่ต้องรู้จักการป้องกันตนเองจากอุบัติเหตุและความปลอดภัยในการขี่จักรยานเบื้องต้น เช่น สอนให้ใส่หมวกกันน็อคทุกครั้ง, ไม่ขี่จักรยานไปไหนๆ ที่ไกลจากบริเวณที่กำหนด เป็นต้น รูปร่างความสูงของลูก เวลาลูกยืนคร่อมจักรยานควรจะสามารถยืนหยั่งเท้าถึงพื้นได้ และเวลานั่งบนอานที่ปรับระดับความสูงแล้ว ควรให้ปลายเท้าด้านหน้าสามารถแตะพื้นได้ เพื่อเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุ เช่น เวลาเบรก หรือเวลารถจะล้ม
2. สถานที่ ที่จะหัดขี่จักรยาน พ่อแม่ควรเลือกบริเวณที่มีพื้นผิวถนนค่อนข้างเรียบ และไม่เสี่ยงอันตรายเช่น มีพื้นที่กว้างพอกับการหัดขี่เดินหน้า การเลี้ยว ควรเป็นพื้นที่ยาวและกว้างสักหน่อย ไม่เป็นบริเวณที่มีรถวิ่งผ่านไปมาทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
3. ขนาดของรถจักรยาน 2 ล้อของลูก ควรมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ไม่สูงเกินไป ควรให้พอเหมาะกับรูปร่างของลูกจะดีกว่า ไว้พอเขาโตขึ้นเรื่อยๆ และมีความเชี่ยวชาญแล้วค่อยซื้อให้ใหม่
#ขั้นตอนการสอนลูกขี่จักรยาน 2 ล้อ
1. อธิบายให้ลูกฟังก่อนว่าการหัดขี่จักรยาน 2 ล้อมีข้อสำคัญคือ ไม่กลัวล้มเพราะลูกสามารถหยั่งเท้าถึงพื้นได้ และถึงล้มก็ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นเรื่องปกติมาก ใครๆที่หัดใหม่ๆก็ล้มทั้งนั้น (อันนี้เวลารถลูกล้มจริง พ่อแม่ก็ควรให้กำลังใจและอย่าแสดงท่าทีตกใจจนลูกเสียขวัญเสียกำลังใจ หรือ ดุว่าลูกว่าทำไมไม่ระวัง จะทำให้เด็กไม่อยากหัดอีกเพราะรู้สึกกดดัน และเห็นเป็นเรื่องไม่สนุกไปเสียก่อน)
2. เริ่มต้นกันด้วยการทรงตัว ให้เด็กนั่งบนอานรถ มือจับแฮนด์บังคับหัวรถไว้ และยกเท้าขึ้นตรงที่ถีบหรือที่เรียกว่า “บันไดจักรยาน” ผู้ปกครองควรจับที่ด้านหลังของรถคอยประคองให้รถตั้งไว้ได้ แล้วค่อยๆ ให้ลูกออกแรงถีบตรงที่ถีบอย่างช้าๆ แล้วให้ลูกมองไปข้างหน้า อย่ามองลงที่เท้าหรือหันมามองด้านหลัง ประคองไปเรื่อยๆเพื่อเด็กจะได้อุ่นใจว่ามีคนคอยช่วยอยู่ และเป็นการฝึกให้เขาเรียนรู้การทรงตัวบนรถให้ได้ก่อน พ่อแม่คอยสังเกตว่าลูกพอเริ่มประคองการทรงตัวบนรถได้หรือยัง ถ้าได้แล้วก็ปล่อยมือออกจากรถ ให้ลูกได้ทรงตัวบนรถเองได้
3. สอนให้รู้จักการเบรกการหยุด ฝึกให้ลูกรู้ว่าบีบก้านเบรกตรงแฮนด์เมื่อต้องการให้รถหยุดซึ่งมีติดอยู่ทั้งสองข้าง หรือถ้ารถยังไม่หยุดทันทีก็ให้เขาสามารถใช้เท้าหยั่งลงพื้นเพื่อช่วยหยุดรถได้ด้วยอีกแรงหนึ่ง
4. เมื่อลูกสามารถทรงตัวได้แล้ว เริ่มให้เขาหัดออกตัวได้ด้วยตัวเอง และให้ฝึกการเลี้ยว ซ้าย-ขวา รวมถึงให้ทักษะการใช้ ตาดู หูฟัง ด้วยว่าปลอดภัยหรือไม่ ด้านหน้า-ด้านหลังมีอะไรต้องระวังหรือเปล่า รวมถึงกฎจราจรเบื้องต้นที่ลูกควรรู้
5. ควรให้ลูกได้ฝึกอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการล้มบ้างหรือมีอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ พ่อแม่ควรให้กำลังใจ และให้การสนับสนุนเขาให้หัดต่อไป มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา สร้างบรรยากาศให้น่าสนุกดีกว่าการห้ามปรามหรือดุว่าโน่นนี่จนเด็กไม่สนุกและขาดกำลังใจ
6. อย่าลืมให้คำชมกับลูกด้วยว่า เขามีความสามารถ มีความตั้งใจและเก่งขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญพ่อแม่ก็น่าจะขี่จักรยานเล่นกับลูกด้วยเช่นกัน เป็นการออกกำลังกายและสร้างความสุขร่วมกันในครอบครัว
—————————————————–
#EcofriendlyToy #sansanook #sansanookpapertoy #sansanookplaytime #momandbaby #บ้านกระดาษ #ของเล่นกระดาษลัง
Facebook: Sansanook